วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ต้นไม้คุณธรรม

       
         การเปิดเรียนภาคเรียนที ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๔ เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันที ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ แต่มีบางโรงเรียนก็ได้เปิดเรียนไปก่อนแล้ว การเปิดเรียนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนเป็นเรื่องที่ดี ปัญหาของการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ ๒ ของทุกปี จะตกไปอยู่ที่โรงเรียนที่เปิดชั้นมัธยมศึกษาขยายโอกาสเพราะเด็กที่จะไปเรียนต่อ แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเฉพาะขยายโอกาสอย่างเดียว โรงเรียนที่เปิดสอนในระดับประถมศึกษาก็ต้องมีการวางแผนในเรื่องนี้ให้ดี เพราะเด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ ๖ จะต้องไปเรียนต่อเช่นกัน และภาคเรียนนี้กิจกรรมมีมากเป็นพิเศษ เช่น การแข่งขันกีฬากลุ่มสถานศึกษา งานวันเด็ก การเดินทางไกลและเข้าค่ายพักแรมลูกเสือ การสอบ NT สอบ O – net การประกวดมหกรรมในระดับภาคที่จะจัดประกวดที่จังหวัดมหาสาคาร ในวันที่ ๒๗ - ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งกิจกรรมที่มีมากอย่างนี้ จะส่งผลไปลงที่เด็กในด้านการเรียนการสอนที่อาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนอาจจะไม่จบตามหลักสูตรที่กำหนดไว้

          ก่อนปิดภาคเรียนที ๑ ได้รับแต่งตั้งจาก สพป.อบ.๓ ให้เป็นคณะกรรมการประกวดห้องสมุด ประกวดครูบรรณารักษ์ ประกวดนักเรียนที่ดีเด่นด้านการอ่าน ได้ไปพบไปเห็นห้องสมุดซึ่งส่งเข้าประกวด การประกวดได้แบ่งเป็นขนาด มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ โรงเรียนได้พัฒนาห้องสมุดเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เด็กได้ศึกษาค้นคว้า ซึ่งการบริหารจัดการห้องสมุดมีเกณฑ์ในการจัดการอย่างชัดเจน ทั้งนี้ได้มีการพัฒนาครูบรรณารักษ์ และประชุมชี้แจงให้ผู้บริหารได้รับทราบซึ่งผลการประกวดคงรับทราบกันไปแล้ว
          กิจกรรมในห้องสมุดที่พบที่เห็นนอกจากเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมในเรื่องของการอ่านแล้ว โรงเรียนยังได้นำเสนอกิจกรรมโดยการจัดนิทรรศการ นำโครงงานที่นักเรียนได้จัดทำมานำเสนอ       

           โครงงานคุณธรรม เยาวชนไทยทำดี ถวายในหลวงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่พบเห็น กันแทบทุกโรงเรียน ทั้งนี้ขอเรียนผู้บริหารและคุณครูที่ดูแลทุกท่านว่า โครงงานคุณธรรม เยาวชนไทยทำดี ถวายในหลวง นั้น เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กนักเรียนฝึกทำคือเด็กทำเอง คุณครูเป็นเพียงที่ปรึกษาให้คำแนะนำ ไม่ใช่ครูเป็นคนทำแล้วให้นักเรียนเป็นผู้นำเสนอ ซึ่งผิดไปจากเป้าหมายของโครงการที่กำหนดไว้ โครงงานที่ทำควรทำอย่างต่อเนื่องและมีการส่งต่อรุ่นไปเรื่อย ๆ มีเครือข่ายทั้งจากชุมชน จากตัวแทนศาสนา ควรประสานและให้ความร่วมมือกันทุกภาคส่วน เรื่องนี้คงฝากไว้กับผู้บริหารโรงเรียน และครูที่ปรึกษาที่ดูแลโครงงานแต่ละโรงเรียน

          โครงงานต้นไม้คุณธรรม เป็นโครงงานที่โรงเรียนได้จัดทำกันมาก ดูได้จากกลุ่มเครือข่ายส่งเข้าประกวดในระดับเขตพื้นที่ และในระดับกลุ่มโรงเรียน หลักการของโครงงานนี้มีอยู่ว่า ต้องการให้นักเรียนได้แก้ไขคุณธรรมที่นักเรียนยังบกพร่อง โดยการเขียนคุณธรรม(พฤติกรรม) ที่นักเรียนต้องการแก้ไข  เช่น หนูจะไม่พูดคำหยาบ ผมจะช่วยพ่อแม่ทำงาน ฯลฯ ไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ที่เรียกว่าต้นไม้คุณธรรม(ต้นไม้พลาสติก) เมื่อคุณธรรม(พฤติกรรม)ที่เด็กเขียนฝากไว้ที่ต้นไม้คุณธรรมผ่าน(โดยการประเมิน) ก็ให้หาสิ่งที่ต้องการแก้ไขมาตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่ทำอีก หรือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องตั้งใจทำ ต้องการแก้ไขความบกพร่องของตนเอง ในคราวต่อไปมาเขียนแขวนไว้และตั้งจิตตั้งใจทำ ปรับปรุง หรือแก้ไข ระยะเวลาของการปรับพฤติกรรมที่เด็กแต่ละคนต้องการเขียนไว้เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมจะไม่เท่ากัน ซึ่งสิ้นปีพฤติกรรมหรือคุณธรรมที่เด็กแต่ละคนต้องการปรับเปลี่ยนจะไม่เท่ากัน
          สิ่งที่จะช่วยให้โครงงานนี้บรรลุผลได้นั้นขึ้นอยู่กับการเป็นขั้นเป็นตอน การมีส่วนร่วมของบ้าน วัด โรงเรียน ส่วนของบ้านนั้น ผู้ปกครองต้องรับรู้รับทราบด้วยว่า เด็กได้ให้คำสัญญาว่าอย่างไร วัด(พระ)มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านพิธีการ คือก่อนที่จะให้เด็กนำพฤติกรรมที่เขียนเพื่อแก้ไขไปแขวนจะต้องมีพิธีกรรมเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เกิดความยำเกรง กระตุ้นให้นักเรียนจะได้ตั้งใจ(สัตย์ปฏิญาณ)ในการปฏิบัติตามที่เขียนไว้ โรงเรียนซึ่งก็เป็นนักเรียนเป็นผู้ทำ ผู้ปฎิบัติ ส่วนครู ผู้บริหาร ต้องคอยกำกับและแนะนำให้บรรลุตามเป้าหมาย ซึ่งทั้ง ๓ ภาคส่วนนี้ จะเป็นหลักในการประเมินความสำเร็จของโครงงานต้นไม้คุณธรรม
          เริ่มภาคเรียนใหม่ ถึงแม้จะเป็นภาคเรียนที่ ๒ แต่ความยิ่งหย่อนในการเรียนการสอนคงไม่ยิ่งหย่อนไปมากกว่าภาคเรียนแรก การเรียนเป็นการพัฒนาชีวิต พัฒนาจิตวิญญาณ ความรู้ที่มีใช่ว่าจะติดตัวแค่ในปัจจุบัน แต่ภูมิรู้จะคงฝังในจิตเป็นฐานให้กับชีวิตต่อไป ก็ยังคงเป็นกำลังใจให้เพื่อนครูทุกท่านที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับความไม่รู้ สร้างสรรค์เด็กให้เป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น